ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรอยู่ภายในโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร อยู่ห่างจากตัวเมือง ประมาณ 2 กิโลเมตร ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3069 ถนนปราจีนอนุสรณ์ ตึกหลังนี้เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2452 โดยให้บริษัทโฮวาร์ด เออร์สกิน เป็นผู้ออกแบบก่อสร้าง เพื่อถวาย เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หากเสด็จมณฑลปราจีนบุรีอีก หลังจากที่ได้เสด็จ ในครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2451แต่เสด็จสวรรคตก่อนในกลางปี พ.ศ. 2453 ตึกหลังนี้ได้ใช้รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในปี พ.ศ. 2455รวมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ อีกหลายพระองค์คราเสด็จมณฑลปราจีนบุรีโดยที่ท่านเจ้าของตึกไม่เคยใช้ตึกหลังนี้เป็นที่พำนักส่วนตัวเลย ตราบจนสิ้นอายุขัยในปี พ.ศ. 2465 จึงได้มีการจัดตั้งศพของท่านไว้ชั้นบนของตึกนี้ก่อนการพระราชทานเพลิงศพในปีเดียวกัน |
รูปหล่อเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ( ชุ่ม อภัยวงศ์ ) |
ภาพเขียนสีปูนเปียกบนเพดาน | ต่อมาพระอภัยวงศ์ วรเศรษฐ (ช่วง อภัยวงศ์) ได้น้อมเกล้าถวาย แด่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อคราวอภิเษกสมรส กับพระนางเจ้าสุวัทนาพระวรราชเทวีซึ่งเป็นหลานสาวคนหนึ่งของท่าน ในปี พ.ศ.2480พระนางเจ้าสุวัทนาพระวรราชเทวีได้โดยเสด็จ สมเด็จพระภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ราชสุดาสิริโสภาพรรณวดีพระราชธิดา ไปประทับที่ประเทศอังกฤษจึงประทานที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดแก่มณฑลทหารบกที่ 2 จังหวัดปราจีนบุรีเพื่อใช้เป็นสถานพยาบาลสำหรับทหารและประชาชนทั่วไปต่อมาได้โอนมาเป็นของกรมสาธารณสุขและโรงพยาบาลแห่งนี้ได้เป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัดปราจีนบุรี ทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2484และเปลี่ยนชื่อเป็น " โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร " ในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2509 เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงพระคุณของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ผู้สร้างตึกและสร้างความเจริญให้กับจังหวัดปราจีนบุรีอย่างมากมาย |
พระราชปรารภ ของพระพุทธเจ้าหลวง เกี่ยวกับคุณค่าของยาไทย หัวเสาราวบันได มีดหมอ รางบดยา | ตู้เก็บยาไทยแผนโบราณ ตึกหลังนี้ได้ใช้เป็นห้องตรวจโรค ห้องจำหน่ายยา ห้องผ่าตัด และห้องคนไข้หญิง จนกระทั่งในปี พ.ศ.2512 การก่อสร้าง ตึกอำนวยการได้เสร็จสิ้นลง ทางโรงพยาบาลจึงใช้ตึกหลังนี้ เฉพาะการสัมมนาในบางกรณี ในวันที่ 25 มกราคม พ.ศ.2533 กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเป็น โบราณสถาน และในวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2537 ตึกหลังนี้ได้ ใช้รับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการเสด็จส่วนพระองค์เพื่อทอดพระเนตรตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมยุโรปแบบบาโร้ค (Barogue) เป็นตึกสองชั้นมีมุขด้านหน้าตรงกลางเป็นโดม ผนังด้านนอก มีลายปูนปั้นลายพฤกษาประดับซุ้มประตูและหน้าต่าง ภายในตึกแบ่งออกเป็นหลายห้อง ห้องที่งดงามที่สุดคือ ห้องโถงกลางชั้นล่างซึ่งยังคงลักษณะการตกแต่งภายในแบบเดิม อยู่ครบถ้วนตั้งแต่ลวดลายกระเบื้องปูพื้นภาพเขียนสีปูนเปียกบน เพดาน และลายปูนปั้นหัวเสาปัจจุบันใช้เป็นที่จัดแสดงประวัติ เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ของใช้ประจำตัว พระฉายาลักษณ์พระนางเจ้า สุวัทนาพระวรราชเทวี และสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ ราชสุดาสิริโสภาพรรณวดี ซึ่งทั้งสองพระองค์เป็นหลานปู่และหลานทวดของเจ้าพระยาอภัยภูเบศรด้วยห้องชั้นล่างซีกซ้ายของอาคารจัดเป็น "พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร" โดยนายแพทย์ไพโรจน์ นิงสานนท์ อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบวัสดุครุภัณท์เกี่ยวกับยาไทย เช่น ตู้เก็บสมุนไพร ครกบดยา รางบดยา หินฝนยา ตำรายาไทย ฯลฯเพื่อใช้ประโยชน์ในการศึกษาการ แพทย์ไทย และสนับสนุนการจัดตั้ง "มูลนิธิหมื่นชำนาญแพทยา" ขึ้น หมื่นชำนาญแพทยา(พลอย แพทยานนท์)เป็นบุตรของแพทย์หลวง ประจำพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการแพทย์แผนไทยเป็นอย่างมาก พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศรเปิดบริการให้เข้าชม เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2539 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น